พาเที่ยววัดกุฎีจีน ชิมขนมอร่อย “ขนมฝรั่งกุฎีจีน”
เรือด่วนเจ้าพระยากำลังเทียบท่า “ราชินี” หากแต่จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ “วัดซางตาครู้ส” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดกุฎีจีน” จึงต้องลงเรือข้ามฟากมาขึ้นที่ท่าน้ำ “กุฎีจีน” ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดกุฎีจีนเป็นชุมชนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี บรรพบุรุษของชาวกุฎีจีนประกอบไปด้วยผู้คนหลายเชื้อชาติและต่างศาสนา ซึ่งในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ชาวจีนมาตั้งบ้านเรือนอยู่เหนือคลองกุฎีจีนใกล้วัดกัลยาณมิตร ส่วนชาวคริสต์และโปรตุเกส ตั้งบ้านเรือนรวมกันอยู่ตอนใต้ลงมา
โบสถ์วัดซางตาครู้ส เป็นวัดที่พระเจ้าตากพระราชทานที่ดินให้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2312 โดยโบสถ์หลังแรกสร้างด้วยไม้ เมื่อพระองค์เสด็จมาทอดพระเนตรทรงรับสั่งว่าให้ปรับปรุง ในปี พ.ศ. 2378 บาทหลวงปัลเลอกัวจึงสร้างหลังที่ 2 เสร็จ ซึ่งมีลักษณะคล้ายศาลเจ้าจีน (กุฎีจีน) และตั้งชื่อว่า “โบสถ์ซางตาครูส” แต่คนทั่วไปนิยมเรียกว่า “วัดกุฎีจีน” และในปี 2456 บาทหลวง กูเลียล โมกั้น ดาครู้ส ได้สร้างโบสถ์ขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นโบสถ์ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน นับถึงปีนี้ โบสถ์หลังนี้ก็มีอายุ 92 ปีแล้ว
ตัวโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกผสมกับเรเนอซองส์ มีจุดเด่นที่หอคอยของอาคารซึ่งเป็นรูปโดม ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับพระที่นั่งอนันตสมาคม ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนประดับด้วยลวดลายปูนปั้นอย่างงดงาม — เมื่อได้เข้าไปในโบสถ์จะรู้สึกได้ถึงความสงบร่มเย็น สิ่งน่าสนใจอยู่ที่กระจกสีรูปครึ่งวงกลมกรุกระจกสี Stain Glass ที่ประดับไว้เหนือบานหน้าต่างเป็นภาพเหตุการณ์บางตอนในพระคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ ส่วนกระจกรูปวงกลมซึ่งอยู่เหนือขึ้นไป เป็นภาพรำพึงสายประคำศักดิ์สิทธิ์
โดยสืบทอดการทำมาจากบรรพบุรุษชาวโปรตุเกส ซึ่งเป็นต้นตำรับของการทำขนมชนิดนี้ ด้วยความที่ยังคงส่วนผสมที่ลงตัว และอบด้วยเตาแบบโบราณ จึงทำให้รสชาติของขนมยังคงความอร่อยไม่เปลี่ยนแปลง โดยแพ็คใส่ถุงขาย ถุงละ 25 บาท ถ้าเป็นชิ้นใหญ่ ก็ราคาชิ้นละ 25 บาท
ข้อมูลจาก เว็บนายรอบรู้ (คุณน้อย) ขอบคุณคะ