แก้วมังกร ชื่อนี้ ต่างประเทศจะใช้นามเรียกขาน ดราก้อนฟรุต เป็นพืชในตระกูลกระบองเพชร มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง และมีปลูกแพร่หลายในเวียดนาม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Hylocereus undatus (Haw) Britt. & Rose
แก้วมังกรเป็นไม้เลื้อย มีอายุยาวนานหลายปี ลำต้นมีลักษณะเป็น 3 แฉกมีสีเขียว อวบน้ำ ซึ่งแท้จริงแล้วส่วนนั้นคือใบที่เปลี่ยนรูปไป ส่วนลำต้นที่แท้จริงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลางของแฉกทั้ง 3 บริเวณตาข้างจะมีหนาม 1-5 หนาม ดอกจะเกิดบริเวณปลายกิ่งในช่วงเดือนเมษายน เมื่อบานมีลักษณะคล้ายปากแตร จะบานในช่วงหัวค่ำจนถึงเช้า เมื่อติดผลแล้ว ผลอาจมีสีชมพูหรือเหลือง เนื้อผลภายในมีทั้งสีขาวและแดงขึ้นอยู่กับพันธุ์ และมีเมล็ดสีดำอยู่ในเนื้อผล
ลูกแก้วมังกร มีสารกลุ่ม FOS ในปริมาณสูง มีคุณสมบัติเป็นสาร Prebiotic ที่ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ได้ ช่วยแก้ปัญหาการขับถ่ายต่างๆ ได้ดี และเนื่องจากตัวมันเองไม่ค่อยถูกดูดซึม ดังนั้นกินปริมาณมากก็ไม่ทำให้อ้วน แต่คงไม่สามารถใช้เป็นอาหารหลักในการลดน้ำหนักได้
สำหรับชื่อสามัญของแก้วมังกรถ้ายึดตาม International Journal จะใช้ว่า Pitaya
ส่วน Dragon fruit เป็นชื่อสามัญที่นิยมเรียกกันในฝั่งเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งเอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีเหนือ-ใต้ ไต้หวัน)
ที่ต้องทำความเข้าใจให้ชัดอีกอย่างก็คือบางประเทศในยุโรปเรียกแก้วมังกรว่า Pitahaya
พลังงาน 59 kcal
น้ำ 85.38%
โปรตีน 1.27 grams
ไขมัน 0.68 grams
คาร์โบไฮเดรต 11.87 grams
วิตามิน E 0.35 milligrams , B1 0.06 milligrams
B2 0.03 milligrams , Niacin 0.18 milligrams
แก้วมังกร มีกากใยสูง แคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินซี คลอโรฟิลล์ เมล็ดของแก้วมังกรอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวสามารถต่อต้านปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่นทานแล้วนอกจากดับร้อนผ่อนกระหายยังบำรุงสุขภาพผิวพรรณสดชื่น ในสุภาพสตรีจะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนม ใช้เป็นผลไม้เสริมสุขภาพ และความงามได้เป็นอย่างดี เป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน หรือควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้ปริมาณเนื้อเยอะ สามารถทานแล้วอิ่มท้อง อิ่มทน เรียกว่าสามารถกินแทนอาหารหนึ่งมื้อได้เลย อีกทั้งยังสามารถทานในปริมาณมากๆ ได้โดยไม่ทำให้อ้วน มีกากใยสูง แคลอรีต่ำ มีน้ำตาลน้อย นอกจากนี้เมล็ดของแก้วมังกรซึ่งเป็นสารคลอโรฟิลล์ อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว สามารถต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ทานแล้วช่วยบำรุงสุขภาพ ทำให้ผิวพรรณสดชื่น ดูมีน้ำมีนวลเปล่งปลั่ง
ส่วนประกอบที่เป็นไฟเบอร์ซึ่งมีปริมาณสูงมากในแก้วมังกรช่วยบำรุงการทำงานของระบบขับถ่ายและในสายเส้นใย ส่วนเนื้อจะมีสารที่เรียกว่า Complex Polysaccharides เป็นตัวที่ช่วยลดการดูดซึมของไขมันประเภทไตรกลีเซอร์ไรด์ ช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือด
นอกจากนี้แก้วมังกรยังเป็นผลไม้ที่มีแร่ธาตุมากมายไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี ฟอสฟอรัส โปรตีน แคลเซียม ช่วยบำรุงสุขภาพผิว และระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคท้องผูก สร้างเสริมระบบการกำจัดของเสียของร่างกาย
การให้ปุ๋ย 13-13-21 และ 16-16-16 ให้สลับกันในแต่ละเดือน ในอัตราครั้งละ 5 ช้อนแกง/หลัก ก่อนออกดอกเดือนมกราคม – มีนาคม จะเปลี่ยนเป็นปุ๋ย 12-24-12 ครั้งละ 4 ช้อแกง/หลัก เมื่อออกดอกติดผลเปลี่ยนมาใช้ 13-13-21 สลับกับ 9-24-24 ครั้งละ 5 ช้อนแกง ในแต่ละปีควรเพิ่มปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักลงไปด้วยอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ปริมาณการใช้ปุ๋ยจะขึ้นอยู่กับขนาดและอายุของต้นเป็นสำคัญ
ช่วงระยะเวลาให้ผลผลิตจะอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม – เดือนกันยายน หลังมองเห็นดอกขนาดเมล็ดถั่วเขียวอีก 15 วันต่อมาดอกจะบานและนับต่อออกไปอีก 30 วันจะถึงระยะการเก็บเกี่ยวผลผลิต รวมระยะเวลาการเก็บผลผลิตประมาณ 45-50 วัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมด้วย หากอยู่ในช่วงที่อากาศไม่แจ่มใส มีฝนตกมาก ท้องฟ้าครึ้มฝน อุณหภูมิต่ำลง อายุการเก็บผลผลิตจะยืดออกไปอีกเช่นกัน